วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552


การบริหารงานขนส่งสำหรับหัวหน้างาน (Transportation management for supervisor)


บทบาทของหัวหน้างานต่อความสำเร็จขององค์กร (Role of Supervisor towards organization success)
โดย คุณ จำเรียง วัยวัฒน์ CEO บริษัท เอ็กซเพรส เน็ตเวิร์ค เซอร์วิส จำกัด
และเลขาธิการสมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต

บทบาทของหัวหน้างาน
- ยึดมั่นในพันธะ(Commitment)
- คงเส้นคงวา (Consistence)
- ความสามารถที่จะปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Complexity)
- ความศรัทธา (Credibility) และภาพพจน์ (Image)
บทบาทของหัวหน้างานกับความสำเร็จขององค์กร นั้นจะต้องประกอบไปด้วย
- ภาวะผู้นำ (Leaders)
- หน้าที่และบทบาทของผู้นำ
- การสื่อสาร
- การสร้างแรงจูงใจ

แนวความคิดการจัดการโลจิสติกส์ และความสำคัญของกระบวนการโลจิสติกส์ กับบริหารงานขนส่ง(Logistics Process and transport Management) โดย คุณ โภคทรัพย์ พุ่มพวง รองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ โลจิสติกส์ จำกัด
และ อุปนายก สมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต
ในปัจจุบันแนวความคิดด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์นั้นได้เน้นหรือให้ความสำคัญไปที่ การบริหารต้นทุนโลจิสติกส์ โดยที่ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและใหญ่นั้นต่างก็คำนึงถึงการลดต้นทุน โลจิสติกส์ ซึ่งต้นทุนโลจิสติกส์นั้นประกอบไปด้วยต้นทุนต่างๆ ดังนี้
% of sales
- Transportation cost 3.5%
- Warehousing 2.4%
- Inventory carrying cost 2.0%
- Administration 0.9%
- Order entry 0.8%
Total Logistics cost 9.6%*

หมายเหตุ :ข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2003

จะเห็นได้ว่าต้นทุนการขนส่งนั้นเป็นต้นทุนที่มีสัดส่วนมากที่สุดในต้นทุนโลจิสติกส์ นั่นคือ 3.5%
จาก 9.6% ดังนั้นการบริการการขนส่งนั้นจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการบริการต้นทุน โลจิสติกส์

ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการบริการงานขนส่งปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการบริการงานขนส่ง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์(Product factor) และปัจจัยด้านตลาด (Market factor) ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ (Product factor) ได้แก่
• ความหนาแน่น (Density) กล่าวคือ สินค้าที่มีความหนาแน่นมาก เช่นเหล็ก เป็นต้น ก็จะทำให้สามารถบรรทุกสินค้าได้ปริมาณน้อย ทำให้มีพื้นที่บางส่วนเหลือว่างอยู่ ดังนั้นการบริหารการขนส่งที่ดีที่สุดคือ การนำสินค้าที่มีความหนาแน่นต่ำ เช่น นุ่น มาบรรทุกเพิ่มเพื่อทำให้การใช้พื้นที่นั้นเกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการลดรอบในการบรรทุกสินค้าอีกด้วย
• คุณสมบัติในการบรรทุก (Stow ability) กล่าวคือ การบรรทุกสินค้านั้นจะต้องทำการจัดสรรพื้นที่การวางสินค้าให้มีการบรรทุกสินค้าให้ได้มากที่สุด• ความยากง่ายในการลำเลียงสินค้า (Ease or difficulty of handling) กล่าวคือ หากสินค้ายังอยู่ในสภาพที่ไม่สะดวกในการขนถ่าย ก็ควรจะทำบรรจุภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้านั้นๆ
• ความรับผิดชอบ ในตัวสินค้า (Liability) กล่าวคือ การขนส่งสินค้าบางประเภทนั้นอาจต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบในตัวสินค้านั้น เนื่องจากสินค้านั้นอาจเป็นสินค้าอันตราย ยกตัวอย่างเช่น น้ำมัน เป็นต้น ดังนั้นการบริหารการขนส่งที่ดีนั้นควรจะมีการทำประกันภัยตัวสินค้า เพื่อที่จะเป็นการลดความเสี่ยง และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

ปัจจัยด้านตลาด (Market factor) ได้แก่
• สภาพการแข่งขัน (Degree of Competition) กล่าวคือ
• ตำแหน่งที่ตั้งของตลาด (Location of market)
• ความสมดุลของปริมาณสินค้าขาไปและขากลับ (Balance or imbalance of freight traffic)
• ช่วงฤดูกาล (Seasonality)
• การเคลื่อนย้ายสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ (International vs Domestic Movement)

ระดับการบริหารงานด้านการขนส่ง
ระดับการบริหารงานด้านการขนส่งนั้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับกลยุทธ์ (Strategic)
o Transportation mode
o Investment
2. ระดับยุทธวิธี (Tactical)
o Carriers
o Networking
o Manpower
3. ระดับปฏิบัติการ (Operational)
o Routing & Scheduling
o Daily Execution
ซึ่งทั้ง 3 ระดับนี้นั้นจะวัดผลในเรื่อง Cost & Performance

ประเภทของการขนส่ง
การขนส่งนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. การขนส่งทางถนน
2. การขนส่งทางเรือ
3. การขนส่งทางอากาศ
4. การขนส่งทางราง
5. การขนส่งทางท่อซึ่งการขนส่งแต่ละประเภทนั้นก็จะมีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกันไป ดังนี้


คุณลักษณะของการให้บริการของการขนส่งแต่ละประเภทนั้น สามารถอธิบายได้ดังนี้


Remarks; 1 = Best , 5 = Worst


จากตารางจะเห็นว่าการขนส่งทางถนนนั้นมีลักษณะในด้านการบริการที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นในด้านความรวดเร็ว ,ความยืดหยุ่น เป็นต้น ทำให้การให้บริการการขนส่งทางถนนนั้นเป็นประเภทการขนส่งที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งรายละเอียดเรื่องการขนส่งโดยรถบรรทุกนั้นสามารถ กล่าวได้ ดังนี้o การขนส่งโดยรถบรรทุกนั้นเป็นประเภทการขนส่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (มากกว่า80%)
o เป็นการให้บริการการขนส่งที่เป็นแบบ Door to door services นั่นคือสามารถขนส่งสินค้าจากโรงงานของผู้ส่งสินค้าไปยังหน้าโรงงานหรือสถานที่ของผู้รับสินค้าได้เลย
o การขนส่งมีความรวดเร็วo สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย
o มีความยืดหยุ่น ในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง ซึ่งในอุตสาหกรรมการให้บริการขนส่งทางถนนนั้น สามาถแยกประเภทของรถได้ดังนี้




ผู้ให้บริการการขนส่งโดยรถบรรทุกนั้น จะมีรถอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆได้แก่
1. รถที่ทำการจ้างบริษัทอื่นมาวิ่งให้ (Outsource)
2. รถของตนเอง (Private)และบริษัทที่จัดการว่าจ้างบริษัทอื่นมาวิ่งรถให้นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ นั่นคือ การว่าจ้างรถทั่วไป (Common) และแบบการทำสัญญาว่าจ้าง ซึ่งในกรณีนี้นั้นจะมีการตกลงเงื่อนไขและข้อห้ามต่างๆ รวมถึงมีการระบุอัตราค่าจ้างด้วย ส่วน Exempt นั้นจะเป็นลักษณะของการมีรถแบบลูกผสม (Hybrid) ระหว่าง การมีรถเป็นของตัวเอง และ การเช่ารถ
โครงสร้างต้นทุนด้านการขนส่ง ต้นทุนการขนส่งนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ต้นทุนคงที่ (Fixed cost) เช่น ค่าเสื่อมราคา , ดอกเบี้ย , ค่าเช่า , ภาษี ,ค่าเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น
2. ต้นทุนผันแปร เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ,ค่ายาง , ค่าบำรุงรักษา ,ค่าทางด่วน เป็นต้น
3. ต้นทุนอื่นๆ เช่น ต้นทุนในการบริหารจัดการ , ค่าอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ,ค่าเบ็ดเตล็ด เป็นต้น
โครงสร้างต้นทุนด้านการขนส่ง (Cost structure of freight transport)โดย คุณเกียรติพงษ์ สันตะบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินโคสท์ โลจิสติกส์ และ กรรมการสมาคมไทยโลจิสติกส์ และการผลิต
การบริหารการขนส่งเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
1. การกระจายสินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้า กล่าวคือ เป็นการลดจำนวนรอบในการส่งสินค้าลง รวมไปถึงการทำงานที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นดังรูป



ณ ร้านค้าปลีก E จะมีการตรวจรับสินค้าถึง 3 ครั้ง ในขณะที่การขนส่งสินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้า จะลดงานที่เกิดที่ร้านค้าปลีก E ลงเหลือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
2. การขนส่งสินค้าแบบ Milk Run Milk Run
ป็นรูปแบบการจัดการงานจัดส่งที่บริหารโดยทางบริษัทผู้ผลิต ทำการสั่งซื้อวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนเพื่อนำไปใช้ทำการประกอบ ซึ่งความสามารถในการบรรทุก ในการออกแบบ Supply Part ของ Milk Run Delivery System จะต้องยึดหลักทางด้านการเคลื่อนย้ายหรือจัดส่ง (Logistics) โดยมีหัวข้อหลักดังนี้
- Cyclic Rotation รูปแบบการจัดส่งจะต้องเป็นลักษณะวงรอบ สามารถหมุนเวียนได้
- Short Lead-Time ในการ Supply Part จะต้องสั้นมาก แม่นยำกับการผลิตที่แท้จริง
- High Loading Efficiency มีขีดความสามารถสูงในรถบรรทุก
- Flexible to Change สามารถยืดหยุ่นในรูปแบบการจัดส่งได้



3. การขนส่งสินค้าแบบมีเที่ยวกลับ (Back haul) คือการขนส่งสินค้าที่ลดเที่ยวเปล่าหรือขากลับ โดยรถจะบรรทุกสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าA และไปรับวัตถุดิบต่อที่supplier B เพื่อลดการวิ่งรถเที่ยวเปล่ากลับมา ซึ่งการขนส่งโดยวิธีนี้นั้นจะสามารถลดต้นทุนการขนส่งได้
4. การขนส่งสินค้าแบบ (Hook drop) เป็นการขนส่งสินค้าแบบลากวาง โดยเป็นการบริหารรถหัวลาก กับตู้เทรเลอร์แยกกัน ยกตัวอย่างบริษัทที่มีการบริหารการขนส่งลักษณะนี้ในปัจจุบัน ได้แก่ เทสโก้ โลตัส ซึ่งเทสโก้ มีตู้ขนสินค้า 400 ตู้ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง ส่วนรถหัวลากเป็นการsubcontract จากบริษัทเอกชน ซึ่งมีรถหัวลากอยู่ 150 คัน ดังนั้นเพื่อให้รถหัวลากและตู้สินค้าไปถึงสโตร์แต่ละแห่งทั่วประเทศทันกำหนด รถหัวลากจะขนตู้สินค้าไปไว้ที่สโตร์ และวิ่งกลับทันทีโดยไม่รอขนสินค้าลง
ปัจจุบันแนวคิดการว่าจ้างบริการโลจิสติกส์จากภายนอก นั้นเป็นได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ก็จะเกิดคำถามที่วา “เมื่อใดจึงจะตัดสินใจใช้ Logistics outsourcing” คำตอบก็คือ เมื่องานนั้นมีผู้ที่มีความถนัดในงานนั้นๆมากกว่าเรา แต่ก็ยังมีแนวคิดอีกแนวคิดหนึ่งในการที่จะยังคงบริหารจัดการระบบโลจิสสติกส์เอง โดยไม่สนใจที่จะว่าจ้างบริการโลจิสติกส์จากภายนอก ได้แก่
1. องค์กรหรือบริษัทนั้นๆ กลัวที่จะเสียการควบคุมในการบริหารจัดการไป
2. หากทำการบริหารจัดการเองจะสามารถประหยัดต้นทุนได้มากกว่า
3. การบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์เป็นขีดความสามารถหลักขององค์กรการ
วัดผลงานการปฏิบัติงานการขนส่ง
• การส่งมอบตรงเวลา (On-time delivery)
• ความพร้อมของยานพาหนะเพื่อที่จะใช้งาน (Truck availability)
• การใช้ประโยชน์จากระวางรถบรรทุก (Space utilization)
• การปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย (Safety Performance)
• การส่งคืนใบส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา (On-time POD return)
• สินค้าสูญหายหรือชำรุดระหว่างการขนส่ง (Loss and damage)
• ข้อร้องเรียนของลูกค้า (Customer complaint)
• การส่งรายงานตรงเวลา (Punctual reporting)
การประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานขนส่ง Application of Information Technology towards Transport Management) โดย คุณ ศรัณย์ บุญญะศิริ กรรมการบริษัท เอเอ็มพี พัฒนา จำกัด และ รองเลขาธิการ กรรมการสมาคมไทยโลจิสติกส์และการผลิต
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานขนส่ง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ นั่นคือ การประยุกต์ใช้ในระดับ Micro และ Macro
การใช้งานในระดับ Micro



- การเชื่อมโยงในมิติเดียว- การบริหารจัดการภายในองค์กร- การเชื่อมโยงกับ ERP (Enterprise Resource Planning)- การเชื่อมโยงเพื่อการ Outsource

การใช้งานในระดับ Macro



- การเชื่อมโยงหลายมิติ
- การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างองค์กร

ซึ่งวัตถุประสงค์ในการนำระบบITมาใช้ในกระบวนการโลจิสติกส์นั้น มีดังนี้
• ลดต้นทุน : การขนส่ง , คลังสินค้า , สินค้าคงคลัง , และความเสียหายต่างๆ
• เพิ่มประสิทธิภาพ
• เพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
ยกตัวอย่างเครื่องมือทางเทคโนโลยีในระบบโลจิสติกส์
1. โปรแกรมการจัดวางสินค้า (Load Configuration Software)
2. โปรแกรมการวางแผนเส้นทางการขนส่ง (Route Planning Software)
3. โปรแกรมควบคุมการปฏิบัติการของพนักงานขับรถ (Driver-Control Operation) เป็นต้น
ความปลอดภัยและการบริหารพนักงานขับรถในการขนส่ง (Transport Safety and Driver Management) โดย คุณวุฒิศักดิ์ อภิชัยชาญกิจ ผู้จัดการการขนส่ง บริษัท เอส เอ็ม ซี โลจิสติกส์ จำกัด

ความปลอดภัยในการบริหารจัดส่งนั้นส่วนสำคัญอยู่ที่พนักงานขับรถ ดังนั้น การควบคุมความปลอดภัย จากการขนส่งนั้นจะต้อง
1. ผู้บริหารระดับสูงจะต้องเข้มงวด
2. ประกาศนโยบายหรือกฎระเบียบที่ชัดเจน
3. มีมาตรการลงโทษเมื่อทำผิด และให้รางวัลเมื่อทำดี
4. มีการรณรงค์ส่งเสริมเรื่องขับรถอย่างปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
5. จัดให้พนักงานขับรถได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งหลักสูตรในการอบรมพนักงานขับรถที่น่าสนใจนั้นได้แก่ การขับขี่ปลอดภัย หรือการขับรถ
ป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้การติดตามและดูแลการปฏิบัติงานในงานขนส่งนั้นควรจะมี
การประชุมพนักงานขับรถ และมี Safety talk เป็นประจำทุกเดือน มีการจัดทำ Route survey
ในเส้นทางขนส่งเพื่อระบุจุดอันตราย และควรจะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาช่วย
ในการบริหารจัดการงานขนส่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ GPS ระบบ Tracking เป็นต้น
ที่มา
ศูนย์อีซูซุเพื่อสนับสนุนโลจิสติกส์ Isuzu Logistics Support Center (ILSC)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น